hunger games 1 เป็นหนังแนวดิสโทเปีย เขียนโดยซูซาน คอลลินส์
เกมล่าชีวิต (อังกฤษ: The Hunger Games) เป็นนิยายแนวดิสโทเปีย เขียนโดยซูซาน คอลลินส์ คนเขียนคนอเมริกัน เผยแพร่ทีแรกเมื่อปี คริสต์ศักราช 2008 เรื่องราวถูกเล่าผ่านมุมมองของแคตนิส เอฟเวอร์ดีน เด็กผู้หญิงวัย 16 ปีที่อาศัยอยู่ที่ประเทศพาเน็ม
ซึ่งเป็นประเทศในโลกอนาคตตอนหลังการล่มสลาย ตั้งอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือในขณะนี้ มีแคปิตอลเป็นเมืองหลวงที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง ใช้การเมืองเป็นอำนาจดูแลเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง โดยได้มีการจัดเกมล่าชีวิต
ซึ่งเป็นการแข่งรายปีที่เขตดูแลภายใต้อำนาจของแคปิตอลทั้งยัง 12 เขตจึงควรคัดของถวายเด็กผู้ชายและก็เด็กผู้หญิงที่แก่ระหว่าง 12-18 ปี เพศละคน จากการจับฉลาก เพื่อเข้าต่อสู้สำหรับในการชิงชัยที่เสี่ยงตายออกรายการโทรทัศน์
หนังสือเล่มนี้สำเร็จตอบรับในด้านบวกเป็นส่วนมาก ทั้งยังจากนักวิพากษ์วิจารณ์และก็ผู้เขียนมีชื่อ โดยได้รับคำชื่นชมในเรื่องของเรื่องราวและก็การพัฒนาผู้แสดง สำหรับการเขียนเกมล่าชีวิต นั้น คอลลินส์ได้นำแนวความคิดมาจากรายละเอียดของเทวดาเรื่องราวภาษากรีก

การต่อสู้ของนักสู้กลาดิอาโคนร์ สล็อต โรมันรวมทั้งรายการเรียลลิตีโชว์ยุคใหม่ เอามารวมกันจนได้เป็นประเด็นหลัก ตัวนิยายเองได้รับรางวัลจำนวนมาก และรางวัล California Young Reader Medal และก็ยอดเยี่ยมในหนังสือที่ได้รับการบอกชื่อให้เป็นหนังสือที่ปีโดยวารสาร พับลิชเชอร์วีกลี รายปี คริสต์ศักราช 2008
เกมล่าชีวิต วางขายในแบบอย่าง ปกแข็งคราวแรกในวันที่ 14 ก.ย. คริสต์ศักราช 2008 เผยแพร่โดยสถานที่พิมพ์ สกอแลสติก ดีไซน์ปกโดยทิม โอ’ไบรอัน รวมทั้งถัดมาก็ได้มีการวาง ขายในฉบับ ปกอ่อน รวมถึงหนังสือ เสียงรวมทั้งหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ นับถึงปี คริสต์ศักราช 2012
เกมล่าชีวิต มียอดจำหน่ายกว่า 17.5 ล้านเล่มทั่วทั้งโลก ถูกแปลเป็นภาษาต่างชาติ 26 ภาษา รวมทั้งได้มีการขายลิขสิทธิ์การพิมพ์ไปใน 38 ประเทศ หนังสือเล่มนี้ นับว่าเป็นหนังสือเล่มแรก ของสามภาคเกมล่าชีวิต ซึ่งมีภาคต่อ ตามมาเป็น ปีกที่ไฟ รวมทั้ง ม็อกกิ้งเจย์
ส่วนฉบับภาพยนตร์ ดัดแปลงแก้ไขนั้นได้ มีการออกฉายในปี คริสต์ศักราช 2012 กำกับการแสดงโดย เอ็งรี รอคอยสส์ ซึ่งคอลลินส์ ได้มีส่วนร่วมกับภาพยนตร์ อีกทั้งในฐานะนักเขียน บทและก็ผู้อวย การผลิตร่วม
จากโปรแกรมเกมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เรื่องราวของหนังในภาคต่อๆถูกขยายความไปไกลถึงหัวข้อการต้านเมืองเผด็จการโดยข้างกบฏอันเป็นผลพวงจากความรู้สึกว่าไม่ชอบใจของผู้ถูกข่มขี่จาก “แคปิตอล” ซึ่งสัญญะ แล้วก็หัวข้อทาง “การบ้านการเมือง” ที่น่าดึงดูดในรูปภาพยนตร์หัวข้อนี้ มีดังนี้เป็น
1.สงครามข่าวสาร แบบโฆษณาชวนเชื่อ(Propaganda) นี่เป็นข้อความสำคัญที่เห็นได้ชัดใน The Hunger Games: Mockingjay : Part 1 เป็นต่างข้างต่างชิงนิยามค่าของเมืองในแบบของตนเอง ฝั่งรัฐบาลเผด็จการใช้สื่อกระแสหลักเพื่อซ้ำเติมผู้บรรเลงรรมว่า “แคปิตอล”เป็น“หัวใจ” ที่เกื้อหนุนเมือง
แล้วก็การต้าน การเคลื่อนไหวของข้างกบฏ บางครั้งก็อาจจะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความร้ายแรง แล้วก็สงครามกลางเมือง ในทางนี้เป็นการผลิต โฆษณาชวนเชื่อของผู้จับ อำนาจเมืองเพื่อปกปิดเรื่องจริงที่ว่า การผลิตผู้บรรเลงรรมว่า “แคปิตอล” เป็นหัวใจของเมือง
มันเป็นเพียงแค่คำคดโกง เพื่อฐานอำนาจเก่าดำรงอยู่ แล้วก็ความไม่ชอบธรรมอย่างการครูดรีดทรัพยากรจากอีกทั้ง 12 เขต ไปสู่เมืองหลวงอย่างแคปิตอลหมายถึงสิ่งที่จะต้องดำรงอยู่ถัดไป
ส่วนทางฝั่งกบฏ ได้ใช้ภาพคนสมัยใหม่ สาวรากต้นหญ้าอย่างแคตนิส เป็นเครื่องหมาย “ม็อคกิ้งเจย์” ยกมือสามนิ้วต่อสู้เพื่อปลดปล่อยความไม่เป็นธรรม ฝั่งนี้ใช้อาวุธด้านสื่อสารมวลชนที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน เพราะว่าลงทุนให้กลุ่มควบคุมหนังตามไปถ่ายทำแคตนิสในทุกหนทุกแห่งที่คุณไป
หาจังหวะที่ดี ที่สุดของการแสดง ออกของแคตนิส มาถ่ายทอดทางราย การนอกระบบ เพื่อนำมาปลุก ระดมแนวร่วมในเขตอื่นๆให้ร่วมกันต่อสู้ให้เมืองพาเน็ม เปลี่ยนเป็นระบบประชาธิปไตย
การนำเสนอสื่อ ของฝั่งรัฐบาล สมัครslotxo ก็เลยแปลงเป็นประชาสัมพันธ์ ชวนเชื่อ(Propaganda) ที่มองไม่ค่อยจะชวนเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ว่าเนื่องจากว่ามีสื่อหลักอยู่ในมือ ทำให้ “เสียง” ของฐานอำนาจเก่ายังดังให้ได้ยินอยู่เป็นประจำ
ซึ่งเป็นเสียงที่ดังขึ้นมาฝั่งเดียว ความเพลิดเพลินของหนังในภาคนี้ก็เลยอยู่ที่ว่าฝั่งกบฏจะใช้แนวทางใดที่ทำให้เสียงของตนเองดังขึ้นกว่านี้บ้าง

2.กลไกเมือง อุดมการณ์เมือง รวมทั้งการต้านอำนาจเมือง รัฐบาลเผด็จการของแคปิตอล ได้สร้างกลไกเมืองขึ้นมาเพื่อรักษา อำนาจของตัวเองไว้ xo หนึ่งในนั้น เป็นการผลิตโปรแกรมเกม The Hunger Games ขึ้นมา โดยให้มวลชนอีกทั้ง 12 เขต ส่งตัวแทนมา แข่งฆ่ากัน
เพื่อนำมาซึ่งการก่อให้เกิดทั้งยัง “ความหวาดกลัว” และก็ “ความคาดหวัง”(เล็กๆ) ให้กับประชากร แน่ๆว่า เมื่อผู้คนมีความหวาดกลัว ต่อหน้าต่อตาย่อมยอม ศิโรราบให้กับเมืองเผด็จการ
แต่ว่าใจความสำคัญเป็น ความคาดหมายมาเกี่ยวอะไรด้วย? แม้สร้างความคาดหวังเล็กๆให้เกิดขึ้น(ความมหวังที่ว่าถูกมองผ่าน ความมุ่งหวังที่จะรอดตายของผู้เข้าชิง The Hunger Games) หากว่าระบอบจะชั่วโคตร ผู้คนจะมีความรู้สึกว่า ชีวิตจะยังไปต่อได้อยู่
แต่ว่าถ้าห่อเหี่ยว แบบเต็มกำลังแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็บางทีอาจจะ เป็นการต้านทานเมือง ผู้คนจะพากันหันมา เปลี่ยนแปลงระบบเพื่อ “รีเซ็ต” ความมุ่งมาดใหม่ ให้เกิดขึ้นในเมือง (ข้อความสำคัญเรื่อง “ความมุ่งมาด” เป็นข้อความสำคัญที่ประธานาธิบ ดีสโนว์ที่พาเน็ม บอกขึ้นมา)
หรืออย่างผู้บรรเลงรรมเรื่อง “หัวใจ” ของเมือง เป็นแคปิตอล ก็คือการผลิตอุดมการณ์ของเมืองลวงๆขึ้นมาเพื่อรู้เรื่องว่า ถ้าเกิดแคปิตอลล่ม ทั้งยังพาเน็มก็จำต้องล่ม ซึ่งมันบางครั้งอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้
บทความที่น่าสนใจ : fps games